โฆเซ เด ลา กรุซ ปอร์ฟิริโอ ดิอัซ โมริ (
สเปน: José De La Cruz Porfirio Díaz Mori; 15 กันยายน ค.ศ. 1830 – 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1915) เป็นนายพลและนักการเมือง
ชาวเม็กซิโกซึ่งดำรงตำแหน่ง
ประธานาธิบดีเม็กซิโก 7 สมัย รวม 31 ปี ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1877 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1880 และตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1884 ถึง 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 มักเรียกช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีว่า
ปอร์ฟิเรียโต[1]ในฐานะทหารผ่านศึกจาก
สงครามการปฏิรูป (ค.ศ. 1858–1860) และ
การแทรกแซงของฝรั่งเศสในเม็กซิโก (ค.ศ. 1862–1867) ดิอัซได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายพล นำกองทัพสาธารณรัฐเข้าต่อต้านการปกครองของ
จักรพรรดิมัคซีมีลีอานที่ฝรั่งเศสสนับสนุน ต่อมาเขาได้ก่อการกำเริบต่อต้านประธานาธิบดี
เบนิโต ฆัวเรซ และ
เซบัสเตียน เลร์โด เด เตฆาดา ด้วยหลักการที่ไม่ให้มีการเลือกตั้งกลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย ดิอัซประสบความสำเร็จในการยึดอำนาจและขับไล่เลร์โดในรัฐประหาร ค.ศ. 1876 ด้วยความช่วยเหลือจากผู้สนับสนุนทางการเมืองของเขา และดิอัซได้รับการเลือกตั้งใน ค.ศ. 1877 จากนั้นใน ค.ศ. 1880 เขาก้าวลงจากตำแหน่งและ
มานูเอล กอนซาเลซ โฟลเรส ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองของเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีโดยดำรงตำแหน่งระหว่าง ค.ศ. 1880–1884 ใน ค.ศ. 1884 ดิอัซละทิ้งแนวคิดที่จะไม่ให้มีการเลือกตั้งกลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดี และอยู่ในตำแหน่งต่อเนื่องกันจนถึง ค.ศ. 1911
[2]ดิอัซเป็นหนึ่งในบุคคลที่เป็นประเด็นโต้แย้งในประวัติศาสตร์เม็กซิโก ระบอบการปกครองของเขาทำให้เกิด "ระเบียบและความก้าวหน้า" โดยยุติความปั่นป่วนทางการเมืองและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ดิอัซและพันธมิตรของเขารวมกันเป็นกลุ่มนักวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่รู้จักกันในชื่อ
ซิเอนติฟิโก ("นักวิทยาศาสตร์")
[3] นโยบายเศรษฐกิจของเขาส่วนใหญ่เอื้อประโยชน์ต่อพันธมิตรเช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติ และช่วยให้เจ้าของที่ดินการเกษตรขนาดใหญ่เพียงไม่กี่รายซึ่งร่ำรวยอยู่แล้วได้รับที่ดินมหาศาล ทำให้ชาวชนบทไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ในปีหลัง ๆ นโยบายเหล่านี้ไม่ได้รับความนิยมเนื่องมาจากการกดขี่พลเมืองและความขัดแย้งทางการเมือง ตลอดจนการทักท้วงจากแรงงานและชาวไร่ชาวนาซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากความเจริญรุ่งเรืองของเม็กซิโกแม้ว่าดิอัซจะประกาศสนับสนุนการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยและประกาศจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยในแถลงการณ์สาธารณะเมื่อ ค.ศ. 1908 แต่เขาก็กลับคำและลงสมัครอีกครั้งใน ค.ศ. 1910 ความล้มเหลวของดิอัซในการหาผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี (ขณะนั้นเขามีอายุ 80 ปีแล้ว) ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองระหว่างกลุ่ม ซิเอนติฟิโก กับกลุ่มผู้สนับสนุนนายพล
เบร์นาร์โด เรเยส ซึ่งเป็นพันธมิตรกับทหารและภูมิภาครอบนอกของเม็กซิโก
[4] หลังจากที่ดิอัซประกาศตนเองเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่แปดใน ค.ศ. 1910
ฟรันซิสโก อี. มาเดโร ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินผู้มั่งคั่งได้ออก
แผนซานลุยส์โปโตซีซึ่งเรียกร้องให้มีการก่อความไม่สงบโดยใช้อาวุธต่อดิอัซ นำไปสู่การปะทุของ
การปฏิวัติเม็กซิโก หลังจาก
กองทัพบกสหพันธรัฐประสบความพ่ายแพ้ทางทหารหลายครั้งต่อกองกำลังที่สนับสนุนมาเดโร ดิอัซก็
ถูกบังคับให้ลาออกในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1911 และลี้ภัยไปอยู่
ปารีสที่ซึ่งเขาเสียชีวิตในอีกสี่ปีต่อมา